ผจญภัยในแดนออโรร่า ตามหาแสงเหนือสุดขอบฟ้าที่นอร์เวย์

ในช่วงนี้ของปี นับเป็นช่วงเวลาที่ดินแดนในแถบขั้วโลกเหนือได้อวดโฉมความงามของฤดูกาลที่ไม่เหมือนใคร แม้จะถูกปกคลุมด้วยหิมะสุดสายตา แต่ท้องฟ้ากลับถูกระบายด้วยสีสันของแสงเหนือที่งดงามจับใจ ชวนเตรียมตัวเดินทางไปชมปรากฏการณ์แสงเหนือที่ 3 เมืองในเขตอาร์กติกเซอร์เคิลของ นอร์เวย์ ดินแดนยุโรปเหนือที่โอบล้อมด้วยภูเขาสูง ฟยอร์ดกว้าง และหมู่บ้านเล็ก ๆ ริมทะเลที่เงียบสงบ

ทรอมโซ

เมืองหลวงแห่งแสงเหนือ

ทรอมโซ หรือ ทรุมเซอ เกาะกลางทะเลทางตอนเหนือของนอร์เวย์ได้ชื่อว่า “ปารีสแห่งขั้วโลกเหนือ” ตั้งอยู่ในโซนที่มีโอกาสเห็นปรากฏการณ์แสงเหนือได้ชัดเจนและบ่อยที่สุดในโลก เรียกได้ว่าเกือบ 200 คืนต่อปี โดยเฉพาะช่วงเดือนกันยายน-มีนาคม ของทุกปี ทรอมโซจึงกลายเป็น “เมืองหลวงแห่งแสงเหนือ” ที่นักเดินทางจากทั่วโลกต่างใฝ่ฝันอยากมาเยือนสักครั้ง โดยจุดที่เหมาะกับการไปเฝ้ารอแสงเหนือ คือบริเวณที่ห่างไกลจากแสงไฟเมือง และมีท้องฟ้าปลอดโปร่ง โดยทั่วไปนักท่องเที่ยวมักจะดูข้อมูลเมฆและค้นหา “Aurora View Point” จากแอปพลิเคชัน Windy ซึ่งสามารถช่วยคาดการณ์และบอกพิกัดจุดชมแสงเหนือได้ค่อนข้างแม่นยำ

หากมาถึงทรอมโซแล้วอย่าพลาดการเดินเล่นบนถนนสายหลักสตอร์กาตา ที่มีทั้งคาเฟ่ ร้านอาหาร โรงภาพยนตร์ โรงเบียร์ รวมทั้งร้านรวงต่าง ๆ ที่มีให้เลือกช็อปปิง ปิดท้ายทริปด้วยการแวะชมมหาวิหารอาร์กติก โบสถ์ประจำเมืองรูปทรงแปลกตา และพิพิธภัณฑ์สัตว์น้ำโพลาเรีย

อัลตา

เมืองแห่งธรรมชาติ วัฒนธรรม และมรดกโลก

เมือง อัลตา ตั้งอยู่บริเวณที่ราบสูงฟินน์มาร์ค ดินแดนที่รวบรวมเสน่ห์ของธรรมชาติ วัฒนธรรมพื้นเมือง และกิจกรรมแอดเวนเจอร์ไว้ครบถ้วน ในปี พ.ศ. 2442 อัลตาได้ชื่อว่ามีหอดูแสงเหนือถาวรเป็นแห่งแรกของโลก ตั้งอยู่บนยอดเขาฮาลด์เดอ ที่ความสูง 900 เมตรเหนือระดับน้ำทะเล และยังมีทีเด็ดคือเป็นเมืองที่ได้รับการขึ้นทะเบียนเป็นมรดกโลกของยูเนสโกเมื่อปี พ.ศ. 2528 จาก “The Rock Art of Alta” แหล่งโบราณคดีหินแกะสลัก ณ หมู่บ้านเฮียมเมลุฟต์ ซึ่งมีภาพวาดบนโขดหินทรายอายุหลายพันปีนับพันชิ้น โดยนักล่ารุ่นก่อนประวัติศาสตร์

กิจกรรมที่ไม่ควรพลาดเมื่อไปเยือนอัลตาได้แก่ เที่ยวพิพิธภัณฑ์อัลตาซึ่งจัดแสดงประวัติศาสตร์ของเมือง แวะชุมชนคนเลี้ยงกวางเรนเดียร์โบอาโซซามีซีดา เพื่อเรียนรู้วัฒนธรรมของชาวซามี เข้าร่วมเทศกาลฤดูหนาวโบเรอาลิสในเดือนมีนาคม ที่มีทั้งดนตรี นิทรรศการศิลปะ งานคราฟต์ และอาหารพื้นเมือง หรือจะสนุกไปกับ Finnmarksløpet การแข่งขันเลื่อนสุนัขที่ยิ่งใหญ่ที่สุดในยุโรป ซึ่งจัดขึ้นทุกปีก็น่าสนใจ

สฟาลบาร์

เมืองแห่งแสงสว่างและความมืดมิด

สฟาลบาร์ เป็นเมืองที่อยู่ใกล้ขั้วโลกเหนือมากที่สุด มีชื่อมาจากภาษาของชาวนอร์ธ (ชาวไวกิ้งโบราณ) ที่มีความหมายว่า “พื้นที่ชายฝั่งที่หนาวเย็น” นอกจากเป็นจุดหมายของการล่าแสงเหนือ ผู้คนชอบที่นี่เพราะมี 2 ปรากฏการณ์ทางธรรมชาติที่น่าทึ่งที่สุดในโลก คือพระอาทิตย์เที่ยงคืนในฤดูร้อน ระหว่างเดือนเมษายน-สิงหาคม ซึ่งพระอาทิตย์จะไม่ลับขอบฟ้าเลยสักวัน และคืนขั้วโลก ช่วงฤดูหนาว ตั้งแต่เดือนพฤศจิกายน-กุมภาพันธ์ ที่ท้องฟ้าจะมืดสนิทยาวนานตลอดร้อยกว่าวัน

สฟาลบาร์ยังเป็นที่อยู่อาศัยของสัตว์นานาชนิด อาทิ หมีขั้วโลก (ที่มีจำนวนมากกว่าคน) จิ้งจอกอาร์กติก กวางเรนเดียร์ วาฬ โลมา แมวน้ำ และวอลรัส ดังนั้น ป้ายเตือนให้ระวังหมีจึงไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ นอกจากนี้ สฟาลบาร์ยังมีกิจกรรมให้เลือกหลากหลาย ไม่ว่าจะเป็น ขับสโนว์โมบิลฝ่าทุ่งน้ำแข็งและหิมะ ชมธารน้ำแข็งและถ้ำน้ำแข็ง นั่งสุนัขลากเลื่อนกับฮัสกี้สายพันธุ์อลาสกัน เที่ยวชมบ้านเรือนสีสันสดใสในลองเยียร์เบียน เป็นต้น

การบินไทย ให้บริการเที่ยวบินตรงระหว่างกรุงเทพฯ-ออสโล นอร์เวย์ ดูเที่ยวบินและสำรองที่นั่งได้ที่ thaiairways.com