ในโอกาสนี้ เราขอชวนทุกท่าน ไปสำรวจ ฮ่องกง สิงคโปร์ โตเกียว โกลกาตา 4 นครสำคัญ อันเป็นหนึ่งในก้าวแรกในการเติบโตของการบินไทย เพื่อตามหาแง่มุมที่เปิดให้เราสามารถเข้าไปสัมผัสเสน่ห์ของวันวาน ที่ซ่อนเร้นอยู่ใต้บรรยากาศแห่งความทันสมัยในปัจจุบัน
ฮ่องกง วันวานในฉากใหม่
นับตั้งแต่วันที่การบินไทย เริ่มต้นให้บริการบนเส้นทางกรุงเทพ-ฮ่องกง เมืองท่ามากเสน่ห์ที่มีประวัติเฉพาะตัวแห่งนี้ก็เปลี่ยนโฉมไปมหาศาล แม้การเติบโตอย่างก้าวกระโดดของนครเซี่ยงไฮ้ และเซินเจิ้น อาจสั่นคลอนฐานะเมืองที่เป็นปากประตู (gateway) สู่จีนไปบ้าง แต่จากผลการจัดอันดับปีล่าสุด เส้นทางเดินอากาศระหว่างกรุงเทพฯ กับฮ่องกง ยังคงรั้งตำแหน่งเส้นทางการบินระหว่างประเทศที่คับคั่งที่สุดเป็นอันดับ 7 ของโลก และคงตอกย้ำสถานะศูนย์กลางทางธุรกิจและวัฒนธรรมของเมืองบนปากแม่น้ำไข่มุกแห่งนี้อย่างชัดเจน

หลังกำชัยชนะในสงครามฝิ่นเมื่อปี พ.ศ. 2385 เจ้าอาณานิคมอังกฤษก็จัดการแปลงโฉมเกาะที่มีเพียงชุมชนประมงพื้นบ้าน จนกลายเป็นเมืองท่าใหญ่พร้อมรับการค้าที่สร้างรายได้อย่างงาม อ่าวหลักของเกาะฮ่องกงซึ่งปัจจุบันคือย่านเซ็นทรัล เริ่มมีตึกหน้าตาฝรั่งผุดขึ้นหนาตา และเมื่อพ่อค้าวาณิชแห่กันมาปักหลักเปิดสำนักงาน ร้านค้า และโกดังกันมากขึ้น เราจะเห็นการถมทะเลขนานใหญ่ที่ช่วยเพิ่มที่ราบอันจะกลายเป็นย่านหว่านไจ๋อันพลุกพล่าน ซึ่งปัจจุบันขึ้นชื่อในฐานะย่านเริงราตรี ทุกวันนี้คุณยังสามารถเดินลัดเลาะไปตามถนนควีนส์โรด ที่เคยเป็นแนวชายฝั่งดั้งเดิม เพื่อชมตึกไปรษณีย์หลังงามซึ่งเปิดทำการมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2458 ก่อนจะเดินขึ้นเนินน้อย ๆ ไปเก็บภาพกลุ่มตึกแถวสีฟ้าสะดุดตาจากช่วงปี พ.ศ. 2413 ที่ถูกอนุรักษ์เอาไว้

ยามดวงตะวันจวนเจียนจะคล้อยลับ รถรางวินเทจที่คนฮ่องกงเรียกขานอย่างน่าเอ็นดูว่า “ติ๊งติ๊ง” (Ding ding) ก็เคลื่อนเข้ารับคนทำงานในอาคารสำนักงานสูงใหญ่กลับบ้าน หากคุณมองหาย่านกินดื่มที่มีชีวิตชีวา ก็แค่กระโดดขึ้นติ๊งติ๊งที่มุ่งหน้าไปทางทิศตะวันตก เสพความคึกคักบนถนนเฮนเนสซีไปสักชั่วครู่ ก่อนจะเดินขึ้นเนินไปเลือกนั่งที่บาร์เก๋ไก๋ที่เรียงรายเป็นตับบนถนนสตอนตัน (Staunton Street) ในย่านโซโห
หากต้องการย้อนอดีตอีกสักนิด ต้องไม่ลืมกล่าวถึงสนามบินไคตั๊ก ที่คนหลายรุ่นต่างจำได้ถึงความหวาดเสียวในระหว่างเครื่องบินร่อนลงจอด ว่าจะเฉี่ยวผ่านตึกสูงหรือไม่ สนามบินแห่งนี้เปิดทำการในปี พ.ศ. 2497 ก่อนจะปิดตัวลงเมื่อปี พ.ศ. 2541 หลังจากฮ่องกงกลับคืนสู่อ้อมอกของจีน หลังจากที่รันเวย์มหึมาที่ทอดอยู่ใจกลางเมืองถูกปล่อยทิ้งนานกว่าทศวรรษ ปัจจุบันพื้นที่บางส่วนได้กลายเป็นท่าเทียบเรือสำราญหน้าตาล้ำสมัย คอนโดสูงระฟ้า ตามมาด้วยสนามกีฬาความจุ 50,000 ที่นั่ง และสวนทางเดินลอยฟ้าซึ่งเหมาะจะแวะมาชมวิวพาโนรามาของฮ่องกง
อยากเยือนเมืองท่ามากเสน่ห์ บินไปฮ่องกงกับการบินไทยได้เลย!
สิงคโปร์ ก่อนจะเป็นสนามบินชางงี
สนามบินชางงีรั้งสถานะศูนย์กลางทางการบินสำคัญของภูมิภาคเอเชียแปซิฟิกอย่างมั่นคง และมอบความภาคภูมิใจใหญ่หลวงแก่ชาวสิงคโปร์ ชนชาติที่ขึ้นชื่อว่าจริงจังกับการทำงาน จนสามารถนำประเทศเล็กจิ๋ว ณ ปลายสุดของคาบสมุทรมลายู มาสู่สถานะประเทศที่พร้อมพรั่งด้วยศักยภาพในการแข่งขันและมีรายได้เฉลี่ยต่อหัวสูงอันดับต้น ๆ ของโลก
หากเราย้อนกลับไปเมื่อ 65 ปีก่อน อากาศยานของการบินไทยที่ให้บริการจากสนามบินดอนเมือง กรุงเทพฯ ยังต้องร่อนลงจอดที่สนามบินพายาเลบาร์ (Paya Lebar) สนามบินเก่าที่มีเพียงรันเวย์เดียว และอยู่ใกล้ย่านเมืองเก่า ในตอนนั้น ชางงียังเป็นเพียงชุมชนห่างไกลบนมุมด้านตะวันออกสุดของเกาะ และนักชาตินิยมผู้ทรงวิสัยทัศน์ยังดิ้นรนที่จะนำพาสิงคโปร์ออกจากการเป็นอาณานิคมของอังกฤษ

แม้จะยังไม่ได้สถานะประเทศเอกราช แต่ทำเลที่ตั้งตรงปากทางเข้าออกเส้นทางเดินเรือสำคัญอย่างช่องแคบมะละกา ก็ทำให้สิงคโปร์เล่นบทบาทเมืองท่าอันดับหนึ่งของเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มาร่วมศตวรรษ บรรดาตึกแถวเก่าแก่ที่เรียงรายตลอดท่าน้ำโบทคีย์ (Boat Quay) ซึ่งทุกวันนี้กลายเป็นย่านกินดื่มที่มีสีสัน เคยเป็นคลังเก็บข้าวสารอาหารแห้งกองพะเนิน ถัดไปด้านหน้าคือกองเรือสำปั้นที่เบียดเสียดกันอยู่ในแม่น้ำสิงคโปร์ และกุลีจีนผู้อพยพจากจีนแผ่นดินใหญ่ที่กำลังแบกกระสอบสินค้าหนักอึ้ง ซึ่งพากันไปขอพรจากเจ้าแม่ทับทิม (Mazu) อันศักดิ์สิทธิ์แห่งศาลเจ้าเทียนฮงเคง (Thian Hock Keng) ที่ตกแต่งอย่างตระการตา
ไม่ไกลจากท่าน้ำที่ว่า คือลานกว้างเหนือสถานีรถไฟใต้ดินราฟเฟิลส์เพลส (Raffles Place) ซึ่งเคยเป็นจัตุรัสการพาณิชย์ ที่คุณจะพบอาคารสำนักงานของธนาคารและบริษัทต่าง ๆ มาวันนี้อาคารสูง 4-5 ชั้นเหล่านั้นได้ถูกแทนที่ด้วยบรรดาตึกระฟ้าสูงใหญ่ซึ่งบริษัทระดับโลกเลือกใช้เป็นสำนักงานประจำภูมิภาค