5 ที่เที่ยวที่ไม่ควรพลาดหากไปฮานอย

หากต้องการเรียนรู้ประวัติศาสตร์และวัฒนธรรมของเวียดนามอย่างลึกซึ้ง ฮานอยเป็นจุดหมายปลายทางแรกที่คุณควรเดินทางไปเพราะเป็นทั้งเมืองหลวงและศูนย์กลางทางวัฒนธรรมของประเทศ ตลอดช่วง 1,000 ปีที่ผ่านมา เมืองทางตอนเหนือแห่งนี้ได้รับอิทธิพลจากประเทศต่างๆ ในภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้ รวมถึงประเทศจีนและฝรั่งเศสด้วย วิธีสัมผัสบรรยากาศกรุงฮานอยที่ดีที่สุดคือการเดินเล่นรอบทะเลสาบและซอกแซกไปตามถนนหนทางต่างๆ คุณจะค้นพบวัด, เจดีย์, โบสถ์ และสถานที่เที่ยวต่างๆ ที่เต็มไปด้วยเรื่องราวประวัติศาสตร์น่าสนใจ นี่คือ 5 สถานที่ท่องเที่ยวที่คุณไม่ควรพลาด

วัดหง็อกเซิน (Ngoc Son Temple)

ถ้าตื่นไหว เราขอแนะนำให้เดินทางไปถึงตั้งแต่วัดเปิดตอน 8 โมงเช้าก่อนที่ผู้คนจะพลุกพล่านเกินไป นี่เป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ที่ชาวเวียดนามเดินทางไปจุดธูปสักการะบูชาทั้งเทพเจ้าและวีรบุรุษในประวัติศาสตร์ อาทิ เจิ่นฮึงเดา (Tran Hung Dao) ขุนพลผู้พิชิตชาวมองโกลที่บุกมารุกรานเวียดนามในศตวรรษที่ 13 เราสามารถเดินข้ามไปถึงวัดนี้ซึ่งตั้งอยู่บนเกาะกลางทะเลสาบฮหว่านเกี๊ยม (Hoan Kiem Lake) ด้วยสะพานสีแดงที่งดงามดั่งภาพวาด เกร็ดเล็กเกร็ดน้อยที่น่าสนใจอีกอย่างคือเชื่อกันว่าทะเลสาบ
ฮหว่านเกี๊ยมเป็นที่อยู่อาศัยของเต่ายักษ์ในตำนาน ย้อนไปเมื่อปี ค.ศ. 1967 มีการพบเต่าขนาดใหญ่ในทะเลสาบแห่งนี้จริงๆ โดยเต่าตัวดังกล่าวถูกนำไปสตัฟฟ์และจัดแสดงไว้ในวัดหง็อกเซินด้วย

โบสถ์เซนต์โยเซฟ 

ยุคอาณานิคมของฝรั่งเศสทิ้งมรดกทางวัฒนธรรมไว้ให้กับเวียดนามมากมาย ไม่ว่าจะเป็น “บั๋นหมี่” หรือแซนด์วิชสไตล์เวียดนาม, วัฒนธรรมร้านกาแฟ, สะพานที่สวยงามหลายแห่ง และเส้นทางรถไฟทั่วประเทศ ที่กรุงฮานอย เราสามารถพบเห็นอิทธิพลของฝรั่งเศสได้ชัดเจนมากที่สุดจากลักษณะสถาปัตยกรรม ยกตัวอย่างเช่น หอระฆังยุคฟื้นฟูโกธิคของโบสถ์เซนต์โยเซฟ (St Joseph’s Cathedral) แม้ว่าเวลาเปิดทำการจะไม่แน่ไม่นอน ช่วงเวลาที่ถ่ายรูปสวยที่สุดคือตอนเช้าวันอาทิตย์ที่ผู้ไปโบสถ์ใส่ชุดอ๊าวหญ่าย หรือชุดประจำชาติเวียดนาม ไปรวมตัวกันที่สวนหน้าโบสถ์ ถ้าจะทำตามวิถีชาวฮานอยของแท้ ขอแนะนำให้ไปนั่งเก้าอี้เตี้ยๆ ในคาเฟ่บริเวณนั้น สั่งเครื่องดื่มสักแก้วพลางชื่นชมความสวยงามของโบสถ์แห่งนี้ไปด้วย

ถนน Phan Dinh Phung 

ถนนสายนี้ซึ่งเหมือนหลุดออกมาจากฉากในหนังจะเป็นสวรรค์สำหรับทั้งนักท่องเที่ยวที่ชอบเดินเล่น, ผู้ชื่นชอบการถ่ายรูป และผู้ที่หลงไหลในสถาปัตยกรรม ต้นพระเจ้าห้าพระองค์ตลอดแนวถนนแตกกิ่งก้านสาขาไปปกคลุมบ้านหรูหราสไตล์ฝรั่งเศสและให้ร่มเงากับคนเดินถนน อย่าลืมเดินไปดูโบสถ์เกื้อบั๊ก (Cua Bac Church) ที่สีเหลืองสดเหมือนเนื้อสับปะรด และป้อมประตูของโบสถ์ที่ตั้งอยู่ตรงข้ามซึ่งสูงใหญ่น่าเกรงขาม นอกจากนี้ ในซอยเล็กๆ ซึ่งแยกจากถนน Phan Dinh Phung ยังมีร้านค้าที่น่าสนใจอีกมากมาย หลังจากเดินเล่นเสร็จ เราแนะนำให้ไปแวะหาอะไรทานที่ร้าน Café Yen, Bluebird’s Nest, Tranquil, La Viet หรือไม่ก็ Manzi

ทางรถไฟ 

ในช่วง 10 ปีที่ผ่านมา ชาวอินสตาแกรมทำให้ถนนสายเล็กๆ ที่มีรถไฟวิ่งผ่านมีชื่อเสีย(ง)จนบางครั้งทางการจะไม่อนุญาตให้คนเดินข้ามไปมาจากร้านค้าที่ตั้งอยู่ชิดกับทางรถไฟด้วยเหตุผลเรื่องความปลอดภัย หากไม่สามารถเข้าไปถ่ายรูปที่ทางรถไฟสายนี้ได้ เราแนะนำให้ไปถ่ายรูปเล่นกับภาพลวงตาบนกำแพงที่ถนน Phung Hung แทน นอกจากนี้ ยังมีสถานที่ท่องเที่ยวอื่นๆ แถวนั้นที่คุณไม่ควรพลาด ลองเดินตามทางรถไฟไปทางตะวันออกเฉียงเหนือแล้วคุณจะไปเจอสะพานลองเบียน (Long Bien) สถาปัตยกรรมที่โดดเด่นของกรุงฮานอยที่คนมักเข้าใจผิดว่าเป็นผลงานของ กุสตาฟ ไอเฟล ผู้ออกแบบหอไอเฟล

เจดีย์เฉินก๊วก (Tran Quoc Pagoda)

เจดีย์ซึ่งเป็นศาสนสถานที่เก่าแก่ที่สุดแห่งหนึ่งในกรุงฮานอยแห่งนี้ตั้งอยู่บนถนน Thanh Nien ซึ่งมีต้นไม้ใหญ่ปกคลุมตลอดทางและเป็นทางยกระดับที่แยกทะเลสาบตรุกบาช (Truc Bach Lake) และทะเลสาบตะวันตก (West Lake) ออกจากกัน หลังจากเดินเที่ยวมาทั้งวัน เราขอให้แนะนำให้คุณมาชมพระอาทิตย์ตกดินที่นี่ ขณะที่วัดหง็อกเซินเป็นของผู้ศรัทธาในลัทธิเต๋า เจดีย์เฉินก๊วกเป็นสถานที่ศักดิ์สิทธิ์ของชาวพุทธ อย่างไรก็ดี ชาวฮานอยจำนวนมากก็เดินทางไปสักการะบูชาสิ่งศักดิ์สิทธิ์ทั้งสองที่

ร่วมออกเดินทางเพื่อค้นหาประสบการณ์ที่ฮานอย จองเที่ยวบินไปฮานอยได้เลยกับการบินไทยและไทยสมายล์