เมืองออสโล ประเทศนอร์เวย์ จัดเป็นหนึ่งในเมืองน่าเที่ยวที่ไม่ว่าใครไปเยือนก็คงตกหลุมรักได้ไม่ยาก นอกจากนี้ออสโลยังได้รับการยกย่องให้เป็นเมืองสีเขียว การันตีด้วยรางวัล European Green Capital ในปี พ.ศ. 2562 ด้วยเหตุที่พื้นที่มากกว่าครึ่งหนึ่งของเมืองหลวง คือสวนสาธารณะและป่าในเมือง ที่นี่ยังรณรงค์ให้ผู้คนในเมืองเดินทางด้วยรถสาธารณะซึ่งมีระบบการเชื่อมต่อดีเยี่ยม หรือไม่ก็ใช้วิธีการเดิน ขี่จักรยาน มาดูกันว่าหากคุณมีเวลา 3 วันในออสโล จะจัดโปรแกรมท่องเที่ยวได้อย่างไรบ้าง

วันแรก – เที่ยวย่าน Bjørvika และ Karl Johans Gate
เริ่มต้นสำรวจเมืองออสโลที่ย่านริมอ่าว Bjørvika เขตท่าเรือเก่าที่ในปี พ.ศ. 2543 ถูกพัฒนาให้กลายเป็นศูนย์กลางของวัฒนธรรมและชุมชนเมือง มีการก่อสร้างโรงละครโอเปรา ห้องสมุดออสโล และพิพิธภัณฑ์ Munch/Stenersen Museum ที่จัดแสดงผลงานของเอ็ดวาร์ด มุงค์ ผู้วาดภาพ The Scream อันเลื่องชื่อ



ใครชอบงานศิลปะอาจต้องใช้เวลากับที่นี่ราวครึ่งวัน เพราะมีพื้นที่จัดแสดงผลงานมากถึง 13 ชั้น แต่ถ้าดูงานศิลป์จนเหนื่อย พักกินอาหารกลางวันก่อนได้ที่ Bistro Tolvte ร้านอาหารบนชั้น 12 ที่มองเห็นทิวทัศน์ของ Inner Oslofjord ได้แบบสวยจับใจ แต่ถ้าอยากลองร้านอาหารรางวัล 3 ดาวมิชลินเพียงหนึ่งเดียวของออสโล แนะนำให้เดินไปที่ Maaemo ซึ่งอยู่ห่างจากพิพิธภัณฑ์เพียง 300 เมตร
จากย่านริมอ่าวสามารถเดินลัดเลาะไปสู่ถนน Karl Johans Gate ถนนสายช็อปปิงยาวประมาณ 2 กิโลเมตร ที่สุดถนนอีกด้านคือ พระราชวังหลวง ระหว่างทางอย่าลืมแวะชม มหาวิหารแห่งออสโล (Oslo Domkirke) ในช่วงค่ำหากดินเนอร์เสร็จแล้ว สามารถไปต่อที่บาร์ หรือแจซบาร์ ที่มีอยู่มากมายในย่านถนน Karl Johans Gate เช่นกัน

วันที่สอง – ชมสวนประติมากรรมระดับโลก
วันนี้แนะนำให้ตื่นตั้งแต่เช้า แล้วมาเริ่มต้นโปรแกรมชมสวนกันที่ Frogner Park ภายในสวนเป็นที่ตั้งของ Vigeland Sculpture Park สวนประติมากรรมที่มีขนาดใหญ่ที่สุดในโลก ซึ่งผลงานทั้ง 200 กว่าชิ้นเป็นฝีมือของศิลปินชาวนอร์เวย์ Gustav Vigeland งานประติมากรรมที่โด่งดังที่สุดคือ Monolith ที่มีลักษณะเป็นเสาต้นเดียว รอบ ๆ เสาคือภาพแกะสลักผู้คนที่กำลังเกาะเกี่ยวกันไปมา นอกจากนี้ยังมี The Wheel Of Life ที่แสดงถึงปรัชญาของชีวิต ภายใน Frogner Park ยังมีที่เที่ยวอื่น ๆ เช่น Frogner Manor House ที่มีอายุ 200 กว่าปี Oslo City Museum พิพิธภัณฑ์ที่บอกเล่าเรื่องราวในอดีตของออสโล หลังจากเดินชมสวนกันจนหนำใจแล้ว ย่าน Frogner ยังถือเป็นย่านสุดหรูของเมือง มีบูติกแฟชั่น ร้านอาหาร รวมทั้งร้าน Sawan ร้านอาหารไทยที่มีชื่อเสียงในออสโลให้แวะไปชิมกันได้


วันที่สาม – สัมผัสวัฒนธรรมดั้งเดิมของชาวนอร์เวย์
เราจะพาออกไปอีกด้านของเมืองที่ชื่อว่าย่าน Bygdøy เพื่อไปชม Norsk Folkemuseum พิพิธภัณฑ์กลางแจ้งขนาดใหญ่ที่จำลองวิถีชีวิตแบบดั้งเดิมของชาวนอร์เวย์มารวมไว้ในที่เดียว ด้านในมีอาคารบ้านเรือน โบสถ์ สิ่งก่อสร้างต่าง ๆ ที่รวบรวมมาจากที่ต่าง ๆ ในนอร์เวย์ แล้วนำมาประกอบใหม่ จัดแสดงไว้ภายในพิพิธภัณฑ์ ไฮไลต์อยู่ที่โบสถ์เก่าแก่ตั้งแต่ยุคกลาง อายุกว่า 800 ปีที่สร้างด้วยไม้ทั้งหลัง หากไปเที่ยวที่นี่ในช่วงฤดูร้อน จะมีการแสดงดนตรีพื้นบ้านสด ๆ บรรเลงคลอไประหว่างเดินชมพิพิธภัณฑ์ด้วย



จากนั้นไปต่อที่ Fram Museum พิพิธภัณฑ์ที่ว่าด้วยเรื่องการสำรวจขั้วโลก ทั้งขั้วโลกเหนือและขั้วโลกใต้ ภายในจัดแสดงเรือไม้ลำจริงที่เคยออกเดินทางไปสำรวจขั้วโลกมาแล้วเมื่อร้อยปีก่อน รวมทั้งจำลองประสบการณ์การเดินทางเข้าไปในความหนาวเย็นระดับขั้วโลกให้ได้สัมผัสกัน

พร้อมจะไปเที่ยวออสโลหรือยัง บินไปกับการบินไทยได้เลย