สัมผัสเทศกาล Oktoberfest ช่วงฤดูใบไม้ร่วง ประจำเมืองมิวนิก

เทศกาล Oktoberfest (เครดิตรูปภาพ: iStockphoto)

ไปเที่ยวมิวนิกช่วงฤดูใบไม้ร่วงถือว่าได้กำไรเป็นพิเศษเนื่องจากมีเทศกาลเฉลิมฉลองที่หนึ่งปีจะจัดขึ้นเพียงครั้งเดียว

August 31, 2024

3 min read

Oktoberfest (อ็อกโทเบอร์เฟสต์) คือเทศกาลประจำฤดูใบไม้ร่วงของมิวนิกที่ไม่ควรพลาดไปสัมผัสสักครั้งในชีวิต เพราะตลอดระยะเวลา 16 วันท่ามกลางบรรยากาศพื้นบ้านบนเนื้อที่กว่า 600 ไร่ คุณจะได้เพลิดเพลินกับกิจกรรมมากมายที่เหมาะกับคนทุกเพศทุกวัย เอาใจทั้งสายกินดื่ม สายลุ้นเครื่องเล่น สายชิลล์ชมขบวนพาเหรดและคอนเสิร์ต สายทำคอนเทนต์ รวมถึงสายแฟชั่นที่จะได้ตื่นตาตื่นใจไปกับชุดพื้นเมืองที่มีให้เห็นตลอดงาน

เทศกาล Oktoberfest เกิดขึ้นในเดือนตุลาคม พ.ศ. 2353 หลังพระราชพิธีเสกสมรสระหว่างมกุฎราชกุมารลุดวิก (Crown Prince Ludwig) แห่งบาวาเรีย กับเจ้าหญิงเตแรซ ชาร์ล็อต หลุยส์ (Therese Charlotte Luise Friederike Amalie von Sachsen-Hildburghausen) ได้มีการจัดแข่งม้าของราชวงศ์บริเวณทุ่งหญ้าหน้าประตูเมือง พร้อมเชิญชวนให้ชาวเมืองมิวนิกมาร่วมเฉลิมฉลอง กระทั่งหนึ่งปีต่อมา ผู้คนต่างเห็นพ้องกันว่าอยากให้มีงานรื่นเริงดำเนินต่อเนื่องทุก ๆ ปี จึงเป็นที่มาของเทศกาล Oktoberfest ที่มีอายุยาวนานถึง 200 กว่าปี

การแสดงในเทศกาล Oktoberfest (เครดิตรูปภาพ: iStockphoto)

Tips

แม้จะชื่อ Oktoberfest แต่เทศกาลกลับเริ่มต้นในเดือนกันยายน โดยมักจะเริ่มต้นในวันเสาร์ปลายเดือนกันยายน และสิ้นสุดวันอาทิตย์แรกของเดือนตุลาคม
Oktoberfest ในปีนี้ จัดขึ้นในวันเสาร์ที่ 21 กันยายน ถึงวันอาทิตย์ที่ 6 ตุลาคม พ.ศ. 2567
เวลา: 10.00 – 24.00 น. (วันเสาร์และอาทิตย์ 09.00 – 24.00 น.) ณ ลานขนาดใหญ่ติดกับสถานีรถไฟใต้ดิน Theresienwiese เมืองมิวนิก

5 สิ่งที่ไม่ควรพลาดหากไปเยือน Oktoberfest

1. ขบวนพาเหรดรถม้า เปิดงานอย่างยิ่งใหญ่ด้วยขบวนพาเหรดสวยงามของบรรดาแลนด์ลอร์ดและเจ้าของโรงเบียร์แบรนด์ต่าง ๆ ที่พร้อมใจกันใส่ชุดพื้นเมืองและนำเสนอความพิเศษของเต็นท์ตัวเองในปีนั้น ๆ นอกจากนี้ ยังมีขบวนพาเหรดแต่งกายแบบดั้งเดิมที่ใช้นักแสดงร่วมหมื่นคน

กิจกรรมชมขบวนพาเหรด คือไฮไลต์อันดับต้น ๆ ที่ได้รับความนิยมจากนักท่องเที่ยวทั่วโลก (เครดิตรูปภาพ: iStockphoto)

ชุดพื้นเมือง (เครดิตรูปภาพ: iStockphoto)

2. เต็นท์เบียร์ เต็นท์เบียร์ขนาดเล็กใหญ่กว่า 30 เต็นท์ รอต้อนรับนักท่องเที่ยวให้เข้าไปนั่งกินดื่มตามอัธยาศัย มีทั้ง Augustiner Festhalle โรงเบียร์สุดคลาสสิกกับบรรยากาศ Family-friendly เต็นท์ Paulaner Festzelt โดดเด่นด้วยเหยือกเบียร์ขนาดยักษ์ และหากแต้มบุญมีอาจได้กระทบไหล่นักเตะทีมสโมสรฟุตบอล Bayern München ส่วนใครชอบดนตรีสนุก ๆ Pschorr-Festzelt Bräurosl คือตัวเลือกอันดับต้น ๆ แต่หากอยากอยู่ท่ามกลางสวรรค์ของบาวาเรีย เต็นท์ยอดฮิต Hacker-Festzelt กับลวดลายท้องฟ้าสามารถรองรับแขกได้กว่า 9,000 คน

เต็นท์ยอดฮิต Hacker-Festzelt (เครดิตรูปภาพ: iStockphoto)

3. คอนเสิร์ตกลางแจ้ง ศิลปินชื่อดังจากทั่วทุกมุมโลกและนักดนตรีราว 400 คน จะหมุนเวียนมาแสดงดนตรีบริเวณรูปปั้นบาวาเรีย ซึ่งจะมีการปล่อยลูกโป่งนับพันขึ้นสู่ท้องฟ้า ขณะที่ผู้ชมร่วมร้องเพลง Bayernhymne เพลงสรรเสริญบาวาเรียอย่างกึกก้อง

รูปปั้นบาวาเรีย (Bavaria Statue) มีความสูงถึง 18.52 เมตร เป็นสัญลักษณ์ของเมืองมิวนิกและเทศกาล Oktoberfest (เครดิตรูปภาพ: iStockphoto)

4. เครื่องเล่นในสวนสนุก ปล่อยจอยไปกับเครื่องเล่นกว่า 130 ชิ้นที่ไม่ต่างจากสวนสนุกขนาดย่อม มีให้เลือกตั้งแต่ซุ้มยิงปืน ซุ้มโยนบอล ม้าหมุน ชิงช้าสวรรค์ ไปจนถึง Olympia Looping รถไฟเหาะ 5 ห่วงจำลองสัญลักษณ์ Olympic Rings เมื่อครั้งเยอรมนีเป็นเจ้าภาพโอลิมปิก ณ เมืองมิวนิก พ.ศ. 2515

บรรยากาศงานวัดสไตล์เยอรมัน มี 3 โซนหลักคือ เต็นท์เบียร์ ร้านจำหน่ายอาหาร-ของที่ระลึก และซุ้มเครื่องเล่น (เครดิตรูปภาพ: iStockphoto)

5. ช็อปของที่ระลึก นอกจากเสื้อยืด ชุดพื้นเมืองบาวาเรีย และแก้วเซรามิกที่นักท่องเที่ยวชอบซื้อสะสมแล้ว “Lebkuchenherzen” หรือขนมปังขิงรูปหัวใจ ก็เป็นหนึ่งในของที่ระลึกยอดนิยมไม่แพ้กัน