กรุงลอนดอนเต็มไปด้วยโรงแรมหรูที่มีประวัติศาสตร์ยาวนาน แม้ว่าหลายคนจะชื่นชอบที่มี “บัตเลอร์” หรือผู้ดูแลแขกเป็นรายบุคคล มาคอยปรนนิบัติดูแลแบบที่หาที่ไหนไม่ได้นอกจากโรงแรมในอังกฤษ นักท่องเที่ยวยุคใหม่อาจมองว่าธรรมเนียมปฏิบัติแบบนั้นน่าเบื่อไปหน่อย
โชคดีที่ตอนนี้เมืองหลวงของสหราชอาณาจักรมีโรงแรมบูทีคเปิดใหม่หลายแห่งซึ่งนำอาคารเก่าแก่มาปรับโฉมใหม่ด้วยงานออกแบบที่น่าถ่ายรูปลงอินสตาแกรม นอกจากการบริการชั้นเยี่ยมและสิ่งอำนวยความสะดวกที่หาได้ในโรงแรมชั้นดีทั่วไปแล้ว เตรียมพบกับสีสันสะดุดตา, เฟอร์นิเจอร์กำมะหยี่ และสไตล์การออกแบบที่ได้รับอิทธิพลจากยุคเฟื่องฟูทางวัฒนธรรมในทศวรรษที่ 20, ความมีเสน่ห์ดึงดูดใจของทศวรรษที่ 70 หรือแม้กระทั้งยุคของดนตรีแนวพังค์ร็อค
หากคุณกำลังมองหาที่พักในลอนดอนที่ทั้งสวยหรูและมีคาแรคเตอร์โดดเด่นเป็นของตัวเอง นี่คือโรงแรมสไตล์บูทีคแห่งใหม่ที่คุณควรลองไปเช็คอินดู


The Twenty Two Hotel
โรงแรม The Twenty Two Hotel ตั้งอยู่ใกล้สวนสาธารณะ Hyde Park และแม้ถนนภายนอกจะมีรถราสัญจรคับคั่ง นี่จะเป็นสถานที่ให้คุณได้หลบหลีกจากความวุ่นวายในฝั่งตะวันตกของลอนดอน โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในคฤหาสน์ยุคเอ็ดเวอร์เดียนซึ่งการตกแต่งภายในที่เน้นความ “เยอะ” แต่งแต้มด้วยสีสันฉูดฉาด หรือแนวที่เรียกกันว่า “maximalist” สไตล์ฝรั่งเศสในศตวรรษที่ 18 การออกแบบห้องพักและพื้นที่ต่างๆ แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงด้วยผ้าไหม, ภาพพิมพ์สะดุดตา และผ้าม่านกำมะหยี่อย่างดี ห้องพักและห้องสวีท 31 ห้องล้วนมีมินิบาร์ที่มีเหล้าออร์แกนิคให้เลือกดื่ม ส่วนเตียงในห้องปูด้วยผ้าคอตตอนอย่างดีจากอียิปต์ ขณะที่ห้องน้ำปูด้วยพื้นหินอ่อนอย่างดีพร้อมของใช้ในห้องน้ำแบบออร์แกนิค นอกจากนี้ แขกแต่ละคนจะได้รับการบริการดูแลอย่างดีจากบัตเลอร์อีกด้วย หากพักผ่อนอยู่ในห้องเต็มอิ่มแล้ว โรงแรมยังมีร้านอาหารสไตล์เมดิเตอร์เรเนียนและคลับส่วนตัวสำหรับแขกโดยเฉพาะด้วยเช่นกัน


Chateau Denmark
หากคุณอยากใช้ชีวิตแบบร็อคสตาร์แต่ร้องเพลงและเล่นกีตาร์ไม่เป็น ลองไปเช็คอินพักที่โรงแรม Chateau Denmark ดู โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในอาคารถึง 16 หลังบนถนน Denmark ในย่าน Soho ซึ่งเคยเป็นสตูดิโออัดเพลง, ร้านขายเครื่องดนตรี และสถานที่ที่ Elton John, David Bowie และวง The Sex Pistols เคยมาเที่ยวสังสรรค์และใช้เวลาทำเพลง การตกแต่งภายในเป็นการผสมผสานระหว่างแนวโกธิคแบบหรูหรากับแนวพังค์ร็อคที่แหวกกฎเกณฑ์ไม่สนใจใคร ลองนึกภาพพื้นที่ปูด้วยหนังสีดำ, เฟอร์นิเจอร์เก่า และวอลเปเปอร์ติดผนังลายแปลกประหลาด ซึ่งถูกนำมาจัดวางเข้ากันอย่างลงตัว อย่าลืมไปที่บาร์และร้านอาหารของโรงแรมที่ชื่อ Thirteen ด้วยล่ะ ที่นี่นอกจากจะมีค็อกเทลอย่างดีและอาหารทานเล่นคำเล็กๆ แล้ว ยังมีดีเจหมุนเวียนมาเปิดเพลงให้คุณฟังไปตลอดค่ำคืนอีกด้วย


The Other House
โรงแรม The Other House ตั้งอยู่ในย่าน South Kensington โดยอยู่ใกล้สถานที่แสดงคอนเสิร์ตดังอย่าง Royal Albert Hall และพิพิธภัณฑ์อีกหลายแห่ง โรงแรมแห่งนี้ตั้งอยู่ในอาคารทาวน์เฮาส์หรู 11 หลัง โดยการตกแต่งภายในทำให้คุณรู้สึกเหมือนอยู่ในป่าดิบชื้น มีวอลเปเปอร์ติดผนังรูปนกฮูกและลิงที่เป็นเอกลักษณ์, หมอนอิงกำมะหยี่ และโคมระย้าที่ดูเหมือนเป็นพวงมาลัยที่ถักทอด้วยใบไม้ นอกจากนี้ โรงแรมยังมีห้องสมุดให้เข้าไปนั่งอ่านหนังสือและร้านอาหารแบบครัวเปิดที่ให้บริการช่วงกลางวัน แต่ที่พิเศษที่สุดน่าจะเป็นคลับสำหรับแขกที่มาพักในโรงแรมโดยเฉพาะ โดยมีทั้งเลานจ์ให้นั่งทำงาน, ห้องยิมออกกำลังกาย, สระว่ายน้ำ, และห้องดูหนัง เท่านั้นยังไม่พอ โรงแรมยังจัดกิจกรรมพิเศษอยู่บ่อยๆ อาทิ กิจกรรมชิมเหล้า หรือการบำบัดด้วยเสียง (sound bath) นอกจากนี้ แขกคนไหนที่ไปพักโรงแรมนี้บ่อยจะได้รับส่วนลดเป็นพิเศษอีกต่างหาก


Beaverbrook Town House
โรงแรมที่มีห้องสวีท 14 ห้องบนถนน Sloane ในย่าน Chelsea แห่งนี้ตั้งอยู่ในทาวน์เฮาส์สไตล์จอร์เจียน 2 หลังโดยมองออกไปเห็นสวน Cadogan Place Park โรงแรมแห่งนี้ได้รับแรงบันดาลใจจากโรงละครเก่าแก่ในลอนดอน โดยแต่ละห้องถูกตั้งชื่อตามโรงละครดัง อาทิ the Aldwych และ the Palladium โดยแต่ละห้องตกแต่งด้วยสีสันฉูดฉาดแต่ก็เต็มไปด้วยของตกแต่งที่มีรสนิยมอย่างเฟอร์นิเจอร์บุด้วยกำมะหยี่, รถเข็นใส่เหล้าแบบโบราณ, โปสเตอร์เก่า, ภาพถ่าย และข้อความบอกเล่าเรื่องราวทางประวัติศาสตร์ แต่สิ่งที่ไม่โบราณเลยคือเทคโนโลยีอำนวยความสะดวกในห้องพัก ไม่ว่าจะเป็นห้องน้ำที่มีระบบทำความร้อนใต้พื้นเหมาะกับฤดูหนาวในลอนดอน ไปจนถึงทีวีจอแบน, มินิบาร์ที่ให้แขกเลือกเครื่องดื่มได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่าย และของใช้ในห้องน้ำจากแบรนด์หรูอย่าง Bamford นอกจากนี้ โรมแรมยังมีร้านอาหารญี่ปุ่นเป็นของตัวเอง โดยหากเป็นโอกาสพิเศษจริงๆ เราขอแนะนำให้ลองทานอาหารญี่ปุ่นแบบโอมากาเซะ 12 หรือ 20 คอร์ส ก่อนจะไปจิบค็อกเทลต่อที่ Sir Frank’s Bar


The BoTree Hotel
“Conscious luxury” คือแนวคิดหลักของโรงแรมซึ่งตั้งอยู่ในจุดเชื่อมต่อกันระหว่างย่าน Marylebone และ Mayfair แห่งนี้ นี่หมายความว่า BoTree Hotel จะให้บริการแขกที่มาพักด้วยความหรูหราได้มาตรฐานแต่ขณะเดียวกันก็ตั้งเป้าที่จะช่วยรักษาสิ่งแวดล้อมด้วย โรงแรมแห่งนี้ซึ่งจะเปิดให้บริการในช่วงหน้าร้อนปีนี้มีห้องพัก 199 ห้อง และห้องสวีท 29 ห้อง โดยล้วนถูกตกแต่งด้วยสไตล์ร่วมสมัยที่ทั้งแปลกใหม่และสวยเก๋ ขณะที่พื้นที่ส่วนกลางตกแต่งด้วยหมอนกำมะหยี่หลากสี, ลวดลายดอกไม้และพันธุ์พืชต่างๆ และเพดานที่เปิดให้เห็นโครงไม้ แน่นอนว่าโรงแรมแห่งนี้มีห้องยิมซึ่งมีอุปกรณ์ออกกำลังกายครบครัน แต่แขกทุกคนล้วนอยากจะจองโต๊ะไปทานอาหารที่ร้าน LAVO Ristorante ในโรงแรม ซึ่งเป็นสาขาของร้านอาหารดังจากนครลอสแอนเจลิสที่มีบุคคลที่มีชื่อเสียงมากมายชอบไป
พร้อมจะไปพักผ่อนที่ลอนดอนกันหรือยัง จองเที่ยวบินไปลอนดอนได้เลยกับการบินไทย