หากคุณหลงใหลรสชาติเผ็ดซ่าของ ‘หม่าล่า’ ต้องไม่พลาดเดินทางไปสัมผัสประสบการณ์ชิมรสชาติหม่าล่าจากแหล่งต้นตำรับ ณ ถิ่นกำเนิดในเมืองเฉิงตู เมืองหลวงของมณฑลเสฉวน ประเทศจีน ที่จะทำให้คุณฟินกับรสเผ็ดซ่าของหม่าล่าในหลากหลายเมนู เพราะจานเด็ดส่วนใหญ่ของที่นี่ ต่างยกให้หม่าล่าเป็นพระเอกในทุกรายการอาหาร
รู้จักหลากหลายเมนู ‘หม่าล่า’
รู้ไหมว่าเมนูหม่าล่าที่เราคุ้นเคยนั้น แท้จริงแล้ว ‘หม่าล่า’ เป็นคำเรียกของรสชาติ ‘เผ็ดซ่า’ ส่วนตัวการที่ทำให้ได้รสชาติดังกล่าวคือ พริกเสฉวน หรือ ฮวาเจียน ซึ่งมีรสชาติเผ็ดร้อนและทำให้รู้สึกชาลิ้น พริกชนิดนี้นิยมนำมาใช้ประกอบอาหารและกลายเป็นหนึ่งในส่วนผสมของเครื่องปรุงรสในอาหารจากมณฑลเสฉวน เช่น ซุปหม้อไฟ (หม่าล่าฮัวกัว) ปิ้งย่าง (หม่าล่าซาวเข่า) และผัดหม่าล่า (หม่าล่าเซียงกัว) ฯลฯ โดยเสน่ห์ของรสชาติหม่าล่า คือ ยิ่งกินยิ่งเผ็ด และยิ่งอร่อยจนหยุดกินไม่ได้

‘เฉิงตู’ ต้นกำเนิดหม่าล่า เมืองแห่งแพนด้า
‘เฉิงตู’ หากอ่านตามสำเนียงจีนแต้จิ๋วจะออกเสียงว่า ‘เชงโต๋’ เป็นเมืองที่มีพื้นที่ใหญ่ที่สุดของมณฑลเสฉวน ขึ้นชื่อเรื่องรสชาติอาหารที่จัดจ้านและกลายเป็นสวรรค์ของนักชิม โดยเฉพาะเมนู ‘หม่าล่า’ นอกจากนี้ เมืองเฉิงตูยังเป็นแหล่งชมแพนด้าที่ใหญ่ที่สุดในประเทศจีน นอกจากนี้แพนด้ายังถือเป็นสัญลักษณ์การท่องเที่ยวที่นี่ เพราะเป็นที่ตั้งศูนย์เพาะพันธุ์และดูแลแพนด้ายักษ์และสัตว์ใกล้สูญพันธุ์ระดับโลก

เสน่ห์เมืองโบราณสวยคลาสสิกและเรื่องราวประวัติศาสตร์
เฉิงตูไม่ได้มีไฮไลต์แค่หม่าล่าและแพนด้าเท่านั้น แต่ยังมีความงดงามคลาสสิกของศิลปวัฒนธรรมโบราณและเรื่องราวประวัติศาสตร์ที่น่าสนใจ ชวนให้ปักหมุดไปเที่ยว ไม่ว่าจะเป็น ‘วัดต้าสือ (Daci Temple)’ วัดเก่าแก่ที่มีอายุมากกว่า 1,600 ปี วัดแห่งนี้เคยเป็นที่จำพรรษาของพระเสวียนจ้างหรือพระถังซำจั๋ง ก่อนจะเดินทางไปชมพูทวีป ภายในมีวิหารและอาคารสวยงามบนพื้น 120 ไร่ ส่วนใหญ่ผู้คนนิยมมาขอพรและเที่ยวชมสถาปัตยกรรมโบราณภายในวัด ที่ติดกันกับวัดคือถนนไท่กู๋หลี แหล่งกิน เที่ยว ช็อป ของทั้งนักท่องเที่ยวและคนท้องถิ่น

แต่ที่สุดของบรรยากาศคลาสสิก ต้องเป็นที่ถนนคนเดินควานจ๋าย (Kuanxiangzi Alley) ถนนโบราณที่เต็มไปด้วยเสน่ห์และวิถีชีวิตชาวเฉิงตูยุคโบราณผสมผสานกับความทันสมัยของยุคปัจจุบันได้อย่างลงตัว ซิกเนเจอร์ของควานจ๋ายคืออาคารบ้านเรือนที่มีอายุกว่า 1,000 ปี อดีตเป็นย่านที่อยู่อาศัยของนายทหารระดับสูง ปัจจุบันสร้างสรรค์ใหม่เป็นร้านค้า ร้านน้ำชา ร้านขายของกินและของที่ระลึก งานศิลปะ มีโรงละครและพิพิธภัณฑ์ด้วย


สุดท้าย ณ เฉิงตู ห้ามพลาดแวะถ่ายรูปกับ สะพานอันชุน (Anshun Bridge) สะพานโบราณที่สร้างขึ้นตั้งแต่ปี พ.ศ. 2289 เพื่อให้ประชาชนใช้ข้ามแม่น้ำจินเจียง ต่อมาถูกน้ำท่วมทำลายจึงสร้างใหม่ในปี พ.ศ. 2546 เป็นสะพานเก่าแก่ที่งดงามด้วยเอกลักษณ์หลังคาทรงจีน (รูปแบบสมัยราชวงศ์หมิงและราชวงศ์ชิง) ด้านบนซึ่งแกะสลักลวดลายงดงาม พร้อมด้วยประติมากรรมสัตว์ในตำนาน อาทิ มังกร สิงโต และหงส์ หรือนกเฟิงหวง ยิ่งบรรยากาศกลางคืนเปิดไฟสว่างไสวพร้อมร้านค้าและร้านอาหารเปิดให้บริการตลอดริมฝั่งแม่น้ำ อยากแนะนำให้ปิดท้ายวันด้วยการมานั่งชมวิว หาของอร่อยที่นี่ก่อนกลับไปพักผ่อนในโรงแรม


วางแผนไปชิมต้นตำรับหม่าล่าอยู่หรือเปล่า บินไปเฉิงตูกับการบินไทยได้เลย